การทำแผ่นพับ สามารถทำได้ง่ายด้วยตนเองผ่านโปรแกรม Word หรือ PowerPoint ซึ่งจะมีตัวอย่าง/แม่แบบให้เลือกใช้งานมากมายได้ทันที ผู้ใช้งานสามารถทำออกมาได้อย่างรวดเร็ว สวยงาม
การจัดหน้าแผ่นพับ 3 พับ
โดยปกติแล้วการจัดการหน้าของแผ่นพับที่มีลักษณะเป็นแบบ 3 พับหน้าหลัง จะสามารถแบ่งจำนวนหน้าออกมาทั้งหมดได้ถึง 6 หน้าดังนี้
- หน้าด้านนอก – จะประกอบไปด้วยหน้า ที่ 5, 6, 1 ตามลำดับ
- หน้าด้านใน – จะประกอบไปด้วยหน้าที่ 2, 3, 4 ตามลำดับ
ซึ่งเมื่อพับเป็น 3 พับแล้ว หน้าที่ 1 จะเป็นหน้าแรกสุดที่ผู้เปิดดูจะเห็นก่อน จากนั้นเมื่อคลี่ออกมาแล้ว ก็จะเห็นหน้าที่ 2, 3, 4 ตามลำดับ ปิดท้ายด้วยการพลิกไปดูอีกด้าน ก็จะพบหน้า 5,6
ทำแผ่นพับด้วย Word
โปรแกรม Word เป็นหนึ่งในชุดโปรแกรมของ Microsoft Office 365 ที่สามารถให้ผู้ใช้งานสามารถสร้างและออกแบบแผ่นพับได้อย่างสะดวกในเพียงแค่ไม่กี่คลิกเท่านั้น โดยสามารถทำตามได้ดังนี้
1. เปิดโปรแกรม Microsoft Word 365 ขึ้นมา
2. จากนั้นกดที่ข้อความ More Templates
3. จะมีหน้าขึ้นเทมเพลตขึ้นมาให้เลือกมากมาย → ให้ค้นหาว่า brochure ในช่อง Search for online templates → เสร็จแล้วกด Enter
4. จะมีผลลัพธ์ที่สามารถใช้ในการสร้างแผ่นพับได้อย่างมากมาย → กดดับเบิลคลิกที่เทมเพลตที่ต้องการจะเอามาใช้
5. ก็จะได้โครงสร้างและหน้าตาแผ่นพับที่จะพร้อมนำมาประยุกต์ใช้แล้ว
6. แก้ไขแผ่นพับตามที่ต้องการ โดยสามารถอ้างอิงการจัดหน้าได้ตามหัวข้อที่แล้ว
ทำแผ่นผับด้วย PowerPoint
โปรแกรม PowerPoint ก็เป็นอีกหนึ่งในชุดโปรแกรมของ Microsoft Office 365 เช่นกัน ที่ช่วยให้ผู้ใช้งาน สามารถออกแบบแผ่นพับแบบ 3 พับได้ และมีลักษณะการใช้งานที่รวดเร็วเหมือนกัน ทั้งนี้สามารถทำตามได้ดังนี้
1. เปิดโปรแกรม Microsoft PowerPoint 365 ขึ้นมา
2. กดที่คำว่า More themes
3. จะมีธีมต่างๆขึ้นมาให้เลือกมากมาย → ค้นหาคำว่า Brochure ในช่อง Search for templates and themes
4. จะมีผลลัพธ์แสดงออกมา → เลือกธีมที่ต้องการ โดยการกด ดับเบิลคลิก
5. โปรแกรมก็จะเรียกใช้ธีมที่ได้เลือกออกมาแสดง
6. แก้ไขธีมเพื่อใช้เป็นแผ่นพับตามที่ต้องการ
หลักการออกแบบแผ่นพับที่ดี
1. เพื่อให้แผ่นพับเป็นสื่อที่สามารถสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควรเลือกใช้รูปแบบที่สอดคล้องกับบริบทที่จะต้องการสื่อสาร เช่น ใช้แผ่นผับรูปการ์ตูนในการสื่อสารกับเด็กหรือวัยรุ่น
2. เนื่องจากพื้นที่การสื่อสารบนแผ่นพับมีจำกัด ผู้จัดทำจึงควรเลือกใช้คำหรือประโยคที่สั้นกระชับ เข้าใจง่าย ตรงไปตรงมา และไม่ใส่เนื้อจนรกเกินไป
3. แบ่งหมวดหมู่ของเนื้อหาให้ชัดเจน จะช่วยให้ผู้อ่านสามารถเข้าใจเนื้อหาที่จะสื่อสารออกไปได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น